การเลือกประเภทผงชาเขียวให้เหมาะสมในการนำไปใช้งาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ผงชาเขียว เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการบดใบชาเขียวให้เป็นผงละเอียด มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงนิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม ขนม อาหารเสริม มีแม้กระทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ทั้งนี้ผงชาเขียวนั้นมีหลายประเภทให้ได้เลือก แต่ละประเภทก็จะมีความต่างกันออกไปดังนี้

ประเภทของผงชาเขียว

มัทฉะ (Matcha)

  • ทำจากยอดอ่อนของต้นชา บดละเอียดเป็นผงเนียน
  • สีเขียวสด มีกลิ่นหอม รสหวานอ่อน
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะ คาเทชิน (Catechin)
  • แบ่งเป็น Ceremonial Grade (เกรดพรีเมียม) และ Culinary Grade (เกรดทำอาหาร)

ผงชาเขียวธรรมดา (Green Tea Powder)

  • ทำจากใบชาทั่วไป บดเป็นผง อาจมีเนื้อหยาบกว่ามัทฉะ
  • สีเขียวเข้มถึงสีเขียวหม่น กลิ่นและรสชาติเข้มข้น
  • ใช้ทำเครื่องดื่ม ชาเย็น ขนม หรืออาหาร

ผงชาเขียวมัทฉะลาเต้ (Matcha Latte Powder)

  • มีการผสมกับน้ำตาล หรือครีมเทียมเพื่อชงดื่มง่าย
  • เหมาะสำหรับทำลาเต้และเครื่องดื่มชาเขียว

วิธีเลือกผงชาเขียวที่ดี

  • สี ควรเป็นสีเขียวสด ไม่ออกเหลืองหรือน้ำตาล
  • ความละเอียด ควรเป็นเนื้อเนียน ไม่หยาบ
  • กลิ่น ควรมีกลิ่นหอมของชาเขียวสด ไม่มีเหม็นหืน
  • รสชาติ ควรมีรสกลมกล่อม ไม่ขมเกินไป
  • แหล่งผลิต ญี่ปุ่น และไต้หวันเป็นแหล่งผลิตที่มีคุณภาพสูง
  • บรรจุภัณฑ์ ควรเป็นซองสุญญากาศหรือภาชนะที่สามารถปิดได้สนิท

การเก็บรักษา

  • เก็บในภาชนะปิดสนิท ไม่ให้โดนอากาศ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น
  • แช่ตู้เย็น เพื่อรักษาคุณภาพ

ผงชาเขียวเป็นผลิตภัณฑ์จากใบชาที่ให้ประโยชน์มากมายทั้งทางด้านสุขภาพและด้านการดูแลผิว แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกชนิดผงชาเขียวให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้งานด้วย เช่น มัทฉะคุณภาพสูงสำหรับดื่ม หรือชาเขียวบดธรรมดาสำหรับขนมและเครื่องสำอาง เป็นต้น

 

การทำวาฟเฟิลจากแป้งวาฟเฟิลสำเร็จรูปแบบง่ายๆ ที่ทำเสร็จได้เร็วและพร้อมทาน


วาฟเฟิล เป็นหนึ่งในขนมหวานที่ได้รับความนิยมมากในหลายๆ ประเทศ โดยแต่ละประเทศก็จะมีสูตร และวิธีทำที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้ว วาฟเฟิลในยุคปัจจุบันจะมีส่วนผสมหลักคือ แป้งสาลี น้ำตาล ไข่ นม เนย สารที่ทำให้ขึ้นฟูจะเป็นผงฟู เบกกิ้งโซดา หรือยีสต์ก็แล้วแต่สูตร หรือถ้าใครไม่ชอบเตรียมของเยอะก็สามารถใช้เป็น แป้งวาฟเฟิลสำเร็จรูป แทนได้จะช่วยให้ทำวาฟเฟิลได้ง่าย และเร็วขึ้น  เพียงทำไม่กี่ขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนการทำวาฟเฟิลจากแป้งสำเร็จรูปด้วยตนเอง

  1. เตรียมอุปกรณ์และส่วนผสม
  • เครื่องทำวาฟเฟิล
  • แป้งวาฟเฟิลสำเร็จรูป
  • น้ำ หรือนม
  • ไข่
  • น้ำมันพืช หรือเนยละลาย (ตามต้องการ)
  1. ผสมส่วนผสม
  • อ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ของแป้งวาฟเฟิลเพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำหรือนมและไข่ที่แนะนำ
  • ในชามใหญ่ ผสมแป้งวาฟเฟิลกับน้ำหรือนม ไข่ และน้ำมันพืชหรือเนยละลาย (ถ้าใช้)
  • คนผสมจนส่วนผสมเข้ากันดี แต่ไม่ต้องคนจนเนียนสนิทเกินไป เพราะอาจทำให้วาฟเฟิลแข็ง
  1. เตรียมเครื่องทำวาฟเฟิล
  • ทาน้ำมันหรือเนยละลายลงบนแม่พิมพ์เครื่องทำวาฟเฟิลเพื่อป้องกันไม่ให้ติด
  • เปิดเครื่องทำวาฟเฟิลและทำให้ร้อนจนถึงอุณหภูมิที่ต้องการ
  1. ปรุงวาฟเฟิล
  • เทแป้งวาฟเฟิลที่ทำเสร็จแล้วในเครื่องทำวาฟเฟิลที่กำลังร้อน
  • ปิดฝาเครื่องวาฟเฟิลเพื่อให้วาฟเฟิลสุกทั้งสองฝั่ง โดยปกติใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที หรือถ้ากลัวไหม้ หรืออยากได้สีวาฟเฟิลเหลืองกรอบตามต้องการต้องเปิดดูบ่อยๆ
  1. เสิร์ฟ
  • เมื่อวาฟเฟิลสุกแล้ว ใช้ไม้พาย หรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ในการช่วยยก วาฟเฟิลออกจากเครื่อง
  • เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้งตามชอบ เช่น ซีรัปเมเปิ้ล, น้ำผึ้ง, นมข้น, ผลไม้สด, ครีม, หรือไอศกรีม เป็นต้น

การใช้แป้งวาฟเฟิลสำเร็จรูปช่วยให้คุณสามารถทำวาฟเฟิลอร่อยๆ ได้ที่บ้านโดยไม่ต้องใช้เวลามากในการเตรียมส่วนผสม  ง่าย สะดวก รวดเร็ว แหละหากคุณเป็นมือใหม่ในการทำวาฟเฟิล เราก็มีเทคนิคดีๆ เอามาแนะนำให้ด้วยว่าต้องทำยังไงถึงจะได้แป้งวาฟเฟิลที่ตรงกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เหนียวนุ่ม หรือจะเป็นกรอบนอกนุ่มใน ซึ่งถ้าต้องการแป้งวาฟเฟิลเหนียวนุ่ม ควรใช้เนยหรือน้ำมันมากขึ้นในส่วนผสมของแป้งสามารถช่วยให้วาฟเฟิลมีความเหนียวนุ่มมากขึ้น เพราะไขมันช่วยทำให้แป้งนุ่มได้ ใช้นมแทนน้ำในการผสมแป้งวาฟเฟิล ใช้ความร้อนต่ำในการทำให้สุก ส่วนถ้าต้องการวาฟเฟิลกรอบนอกนุ่มใน ควรแยกไข่แดงกับไข่ขาว ผสมไข่แดงไปกับส่วนผสมหลัก และตีไข่ขาวให้ฟูขึ้นจนเป็นปุยๆ จากนั้นค่อยๆ ผสมรวมกับแป้ง จะช่วยให้ได้วาฟเฟิลที่กรอบด้านนอกและนุ่มด้านใน ควรเลือกใช้น้ำตาลทรายขาวในส่วนผสมวาฟเฟิลจะช่วยให้วาฟเฟิลมีความกรอบเมื่อโดนความร้อน ใช้ความร้อนอุณหภูมิสูงระยะเวลาสั้นๆ จะทำให้ผิวของวาฟเฟิลกรอบมากขึ้นค่ะ